วันนี้ (9 ม.ค.67) ที่ห้องประชุมเจ้าฟ้า ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วน นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการบริหาจัดการแรงงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมให้ข้อมูลเรื่อง การบริหารจัดการแรงงาน ข้อจำกัดและข้อท้าทายทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กับคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ พร้อมด้วย นายกัณวีร์ สืบแสง รองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และคณะทั้งนี้ สำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานข้อมูลสถิติการมีงานทำของแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ (เมียนมา/ลาว/กัมพูชา/เวียดนาม) ในจังหวัดภูเก็ต ปี 2564 มีจำนวน 62,222 คน ปี 2565 มีจำนวน 52,942 คน และ ปี 2566 มีจำนวน 61,485 คน ซึ่งในปี 2566 จำแนกเป็นสัญชาติเมียนมา มากที่สุด จำนวน 60,163 คน คิดเป็นร้อยละ 97.84 รองลงมาเป็นสัญชาติลาว จำนวน 912 คน สัญชาติกัมพูชา จำนวน 266 คน และสัญชาติ เวียดนาม จำนวน 144 คน เมื่อเทียบกับปี 2565 มีจำนวนแรงงานสูงขึ้นร้อยละ 16.13 โดยอยู่ในประเภทกิจการก่อสร้างมากที่สุด 27,645 คน รองลงมาเป็นประเภทการให้บริการต่างๆ 11,657 คน และประเภทจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 8,553 คนทางด้านข้อมูลจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต เกี่ยวกับสภาพปัญหาที่พบมีหลายประเด็น เช่น แรงงานข้ามชาติไม่ทราบว่านายจ้างที่แท้จริงคือใครเนื่องจากมีการจ้างงานหรือจ่ายค่าจ้างเป็นช่วงๆ โดยมีแนวทางการแก้ไขคือการเพิ่มมาตรการตรวจสอบสภาพการจ้างและสภาพการทำงาน ยังคงพบแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายทำให้ไม่กล้าเรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง ซึ่งจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และอีกประเด็นปัญหา คือ แรงงานข้ามชาติไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ทำให้ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ได้โดยลำพัง ซึ่งการดำเนินงานมีข้อจำกัดในการขาดแคลนล่ามในการประสานงาน และ แรงงานข้ามชาติไม่มีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายแรงงานไทย จึงไม่ทราบว่าตนได้รับสิทธิ์หรือไม่ได้รับสิทธิ์ใดตามกฎหมาย ซึ่งจะมีการอบรมความรู้แก่แรงงานข้ามชาติ เพื่อให้แรงงานรับรู้ถึงสิทธิหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนแรงงานข้ามชาติไม่ต้องการกลับประเทศ ยินยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นแม้รู้ว่าตนจะไม่ได้รับสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการดำเนินงานคือขาดแคลนบุคลากรและงบประมาณที่ไม่เพียงพอนอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รายงานถึงข้อมูลการบริหารจัดการสุขภาพแรงงานต่างด้าว ในปี 2567 และปัญหาอุปสรรคคือการไม่มีล่ามในการช่วยสื่อสารโดยเฉพาะชาวเมียนมาเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง และไม่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลจากแรงงานต่างด้าวบางรายได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่หมดสติไม่มีพาสปอร์ตและไม่มีใบอนุญาตทำงาน รวมทั้ง การขายบัตรประกันสุขภาพกรณีแรงงานต่างด้าวที่ตั้งครรภ์แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับจัดหางานจังหวัด หรือแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้อยู่ในระบบแรงงานต่างด้าว การเคลมประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าวในบางบริษัทเอกชนไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและไม่ครอบคลุมหน่วยบริการอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังขาดงบประมาณสนับสนุนครุภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการให้บริการ จึงควรมีการผลักดันการรักษาพยาบาลของแรงงานต่างด้าวควรเข้าสู่ระบบประกันสังคมทั้งหมด และควรมีกองทุนประกันสุขภาพสำหรับแรงงานต่างด้าวในกรณีที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอนุญาตการทำงานของสำนักงานจัดหางาน หรือแรงงานเถื่อน หากเกิดเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุกระทันหัน และการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว ยังคงต้องเป็นบริการของโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้นจากนั้น คณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้มีข้อเสนอแนะขอให้จังหวัดภูเก็ต ทำงานอย่างบูรณาการเพื่อดูแลแรงงานข้ามชาติ ให้เข้าสู่ระบบทั้งในด้านของการทำงานที่ถูกกฎหมาย และได้รับบริการด้านสาธารณสุข ตามที่กฎหมายกำหนด
อ่านเพิ่มเติ่ม >