รายงานพิเศษ : “ประเทศไทยพร้อมรับมือระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทําลายป่า (EUDR) ใหม่ของสหภาพยุโรปปลายปี 2567”
รายงานพิเศษ : “ประเทศไทยพร้อมรับมือระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทําลายป่า (EUDR) ใหม่ของสหภาพยุโรปปลายปี 2567”
ประเทศไทย ปรับตัวพร้อมรับระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทําลายป่า (EUDR) ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโยปที่จะมีการบังคับใช้ปลายปี 2567 เพื่อป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ 7 ชนิดที่มีส่วนในการทำลายป่า
ปลายปี 2567 สหภาพยุโรป เตรียมบังคับใช้ระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทําลายป่า (EUDR) เพื่อยับยั้งการตัดไม้ทำลายป่า เพราะการตัดไม้ทำลายป่าสร้างผลกระทบอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกและเกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยกฎหมายนี้สั่งห้ามนำเข้ากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมด 7 ชนิดที่มีส่วนในการทำลายป่า คือ ยางพารา น้ำมันปาล์ม เนื้อวัว ไม้ กาแฟ โกโก้ และถั่วเหลือง รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผลิตจากสินค้าเหล่านี้ เช่น ช็อกโกแลต เฟอร์นิเจอร์ กระดาษ ถ่าน และสินค้าที่มีน้ำมันปาล์มเป็นส่วนประกอบ หากสินค้าเหล่านี้มาจากที่ดินที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งบริษัทที่ดูแลด้านการนำเข้าดังกล่าวต้องจัดหาข้อมูลที่เป็นข้อสรุปและพิสูจน์ได้เพื่ออธิบายห่วงโซ่อุปทาน เช่น ข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่ใช้เพาะปลูกผลิตภัณฑ์เพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสอดคล้องกับกฎหมาย EUDR ที่จะมีผลบังคับใช้สำหรับบริษัทขนาดใหญ่เดือนธันวาคม 2567 ส่วนบริษัทขนาดเล็กเดือนมิถุนายน 2568
จากรายงานของคณะทำงานระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้วิเคราะห์ว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ ส่วนใหญ่มาจากการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อตอบสนองความต้องการขยายพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาและป้องกันสาเหตุทำให้ป่าเสื่อมโทรม สหภาพยุโรป ในฐานะที่เป็นตลาดรายใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าทั่วโลกเพื่อการบริโภค จึงมุ่งหาข้อตกลงระดับชาติเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมผ่านคณะกรรมาธิการยุโรปออกมาในรูปแบบระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทําลายป่า (EUDR) ในส่วนของประเทศไทยถือเป็นระเบียบการค้าใหม่ของสหภาพยุโรปที่มีผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการในไทย จึงต้องให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลเรื่องนี้ไปเร่งเตรียมพร้อมรองรับมาตรการที่สหภาพยุโรปจะนํามาบังคับใช้ปลายปี 2567 เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรไทยจะสามารถส่งออกสินค้าควบคุมภายใต้ระเบียบดังกล่าวไปยังสหภาพยุโรปได้โดยสะดวก และไม่ถูกกีดกันทางการค้าในตลาดระหว่างประเทศ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่า กำชับให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) จัดทําตราสัญลักษณ์และเครื่องหมายผลิตภัณฑ์จากชุมชน คทช. เพื่อช่วยแสดงให้เห็นว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจากกระบวนการผลิตที่ไม่ทําลายป่าและถูกต้องตามกฎหมายของประเทศ รวมถึง การได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้อง จะช่วยสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศและเป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลให้ความสําคัญโดยเฉพาะในยุคของเศรษฐกิจโลกแบบแบ่งขั้วที่มีการรวมกลุ่มทางการค้าต่างๆ จนเกิดการแข่งขัน มีข้อกําหนดที่หลากหลาย และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ดังนั้น ทุกภาคส่วนของไทย โดยเฉพาะภาครัฐ จำเป็นต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้มีความชัดเจนในกฎหมายลําดับรองที่เกี่ยวข้อง พร้อมประสานผู้ประกอบการและเกษตรกรในประเทศ เพื่อวางแผนรับมือและให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ปิยาพรรณ ยังเทียน / สวท.
ผู้เรียบเรียง : กัลยา คงยั่งยืน / สวท.
แหล่งที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย