รายงานพิเศษ : “การสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง”
รายงานพิเศษ : “การสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง”
โครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจากประชาชน โดยระหว่างนี้ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาผลดีผลเสียและความเป็นไปได้ ส่วนนักท่องเที่ยวกังวลมนต์เสน่ห์ของภูกระดึงจะหายไป
“ภูกระดึง” จ.เลย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางภูเขาของนักท่องเที่ยวสายลุยที่ชอบการเดินป่าและพิสูจน์กำลังขาต้องมาพิชิตให้ได้ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวจะมีมากเป็นพิเศษ เพื่อมาพักแรมค้างคืนชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณผานกแอ่น และชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณผาหล่มสักจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูกระดึง โดยภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติปี 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ต่อจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีระดับความสูงอยู่ที่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตร จุดสูงสุดอยู่บริเวณคอกเมยมีความสูง 1,316 เมตร สภาพทั่วไปประกอบด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร น้ำตก และเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพองที่เป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สิ่งที่กลับมาถกเถียงถึงความเป็นไปได้กันอีกครั้งของภูกระดึงเกี่ยวกับการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง หลังมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งแรกที่จังหวัดหนองบัวลำภูพิจารณาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อหวังสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งเสียงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะความกังวลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแวดล้อมที่อาจจะต้องมีการตัดหรือถางป่าบนภูกระดึง ปัญหาขยะ การปล่อยน้ำเสีย ผลกระทบต่อสภาพความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อธรรมชาติในอนาคต ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้อนุญาตให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เข้าไปสำรวจและเก็บข้อมูลสภาพปัจจุบันของทรัพยากรป่าไม้และทรัพยากรสัตว์ป่า เพื่อการสำรวจ การศึกษา การวิจัย หรือการทดลองทางวิชาการ และความเป็นไปได้ในโครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง จ.เลย ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 - กันยายน 2568 หรือใช้เวลาประมาณ 2 ปี
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ย้ำว่า เป็นเพียงการศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้นยังไม่ใช่การทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และยังไม่ได้อนุมัติการก่อสร้างกระเช้าภูกระดึง ซึ่งการศึกษาทางวิชาการจะใช้เวลา 2 ปีและต้องทำให้ครอบคลุมทุกด้าน ส่วนความเป็นไปได้จะสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการตัดสินระดับนโยบายในรูปแบบคณะกรรมการฯ โดยจะต้องพิจารณาผลกระทบในทุกด้านและต้องทำอีไอเอ
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เคยเดินขึ้นภูกระดึงเพื่อพิชิตยอดดอยนั้นไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะการสร้างกระเช้าไฟฟ้าช่วยสร้างรายได้ให้พื้นที่และช่วยอำนวยความสะดวกจริง แต่จะสร้างปริมาณขยะและของเสียจำนวนมากนำมาซึ่งความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นจากสิ่งอำนวยความสะดวก แล้วสิ่งที่ตามมาคือ “อาชีพลูกหาบ” ที่สร้างรายได้ช่วยเปิดการท่องเที่ยวภูกระดึงที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและเป็นมนต์เสน่ห์ของภูกระดึงจะหายไป
สำหรับมนต์เสน่ห์ของภูกระดึงนักท่องเที่ยวที่ไปจะได้สัมผัสเสน่ห์ของธรรมชาติและอากาศหนาวเย็น ที่ต้องเดินเท้ากว่า 5 กิโลเมตรท่ามกลางอุปสรรคจากทางชันและโขดหิน นักท่องเที่ยวบางส่วนจึงเลือกใช้บริการลูกหาบช่วยแบกหามสัมภาระ ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของภูกระดึงที่การสร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่น
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ปิยาพรรณ ยังเทียน / สวท.
ผู้เรียบเรียง : กัลยา คงยั่งยืน / สวท.
แหล่งที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย