รายงานพิเศษ : “รัฐบาลยกระดับมาตรการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5”
รายงานพิเศษ : “รัฐบาลยกระดับมาตรการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5”
รัฐบาล ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นมาตรการลดการเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ ควบคู่กับสนับสนุนมาตรการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในเขตเมือง
ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดเป็นประจำทุกปีที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษและป้องกันไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากมนุษย์เป็นผู้จุดไฟเผาเพื่อแสวงหาของป่า ล่าสัตว์ป่า และรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำเกษตรกรรม จนกลายเป็นไฟป่าลุกลามในวงกว้างสร้างความเสียหายต่อผืนป่าของประเทศ สัตว์ป่า และชีวิตของประชาชนเองด้วย ปีนี้ รัฐบาล ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 และหมอกควันข้ามแดน ด้วยการยกระดับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทั้งการกำหนดพื้นที่เป้าหมายเน้นพื้นที่เผาซ้ำซากร้อยละ 50 จากปี 2566 และกำหนดเป้าลดการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรลงให้ได้ร้อยละ 50 ใน 10 พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และ 10 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ด้วยการทำแนวกันไฟและแนวกันคน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำหนักแน่นประชาชนทุกคนต้องได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานของอากาศสะอาด โดยเรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นเรื่องแรกๆ หากรัฐบาลไม่ให้ความสนใจหรือทำให้ดีขึ้นได้จะกลายเป็นปัญหา ซึ่งปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบหลายภาคส่วน ส่วนหนึ่งเป็นมลพิษจากควันรถยนต์จึงต้องส่งเสริมให้ใช้รถยนต์ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น คาดว่า การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นแล้ว ภายในไม่เกิน 10 ปี ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากรถยนต์จะลดน้อยลง ขณะที่การลดการเผาป่าภาคการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน หากภาคเอกชนสามารถเข้าไปช่วยเหลือรับซื้อพืชผลทางการเกษตรและเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรได้ จะทำให้เกษตรกรมีรายได้และหยุดการเผาดังกล่าว
ในส่วนของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยกระดับแนวป้องกันด้วยการตรึงพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและจัดระเบียบการเก็บหาของป่า และทำงานร่วมกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมดึงหมู่บ้านเครือข่ายดับไฟป่ามาร่วมดับไฟป่าด้วย นางกัญชลี นาวิกภูมิ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ย้ำว่า หากลดปัญหาการเผาป่าและไฟป่าลงได้จะช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้เช่นกัน ควบคู่กับส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามารับซื้อวัสดุจากผลผลิตทางการเกษตรเพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ขณะที่ภาคเอกชนได้เสนอแนวทางขับเคลื่อนควบคู่กับมาตรการของภาครัฐเพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดเจนและทำได้จริง เช่น นายประพัฒน์ เชื้อไทย ภาคเอกชนที่รับซื้อเศษวัสดุทางการเกษตร กล่าวว่า ขอโอกาสจากภาครัฐเข้าถึงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (Soft Loan) จากพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อป้องกันและลดการแย่งชิงวัตถุดิบ โดยเสนอขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 วงเงินประมาณ 1,000 - 2,000 ล้านบาทในดำเนินการในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ คาดว่า จะสามารถใช้คืนรัฐได้ภายใน 4 - 5 ปี โดยจะใช้แผนที่เกิดไฟไหม้เป็นจุดตั้งศูนย์ฯดังกล่าว และจำเป็นต้องกำหนดเครื่องมือจัดการเศษวัสดุฯให้กับเกษตรกร เชื่อว่า จะไม่เกิดการเผาขึ้นอีกแน่นอน เพราะจะกลายมาเป็นแหล่งสร้างรายได้แทน
สำหรับแหล่งกำเนิดที่ก่อให้เกิดไฟป่ามาจากประชาชนในพื้นที่ป่าและรอบชุมชน จำเป็นต้องประกาศปิดป่าและอนุญาตให้ประชาชนเข้าพื้นที่ป่าได้เฉพาะผู้ที่มาลงทะเบียนแจ้งล่วงหน้าเท่านั้น เพื่อควบคุมประชาชนที่ไม่เคารพกฎหมายและกติกาแล้วลักลอบเข้าไปเผาป่าเพื่อล่าสัตว์และหาของป่า ถือเป็นการควบคุมพฤติกรรมของชุมชนในพื้นที่
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ปิยาพรรณ ยังเทียน / สวท.
ผู้เรียบเรียง : กัลยา คงยั่งยืน / สวท.
แหล่งที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย