รายงานพิเศษเคาะข่าว : “ธนาคารน้ำใต้ดิน”
รายงานพิเศษเคาะข่าว : “ธนาคารน้ำใต้ดิน”
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เดินหน้าทำโครงการธนาคารน้ำใต้ดินให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้งและรองรับปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะรุนแรงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
แต่ละปีประเทศไทยในหลายพื้นที่จะประสบปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้งที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไป สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความแปรปรวนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จนส่งผลให้เกิดฝนทิ้งช่วงหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ซึ่ง "ธนาคารน้ำใต้ดิน" เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่จะช่วยรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซากด้วยการเก็บไว้ใต้ดิน แต่ประชาชนบางส่วนกลับมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการปนเปื้อนของน้ำใต้ดิน และระบบการจัดการก่อสร้างดังกล่าวที่อาจมีผลเสียกับบริเวณโดยรอบพื้นที่
รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญและเน้นย้ำการผลักดันโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อเป็นกรณีศึกษาถึงความเป็นไปได้และประโยชน์ที่จะได้รับ โดยยกให้โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน จ.ชัยนาท หรือ “ชัยนาทโมเดล” เป็นต้นแบบขยายไปยังพื้นที่อื่นๆต่อไปในอนาคตรับมือน้ำท่วมและภัยแล้ง ถือเป็นการสำรองน้ำเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4,775 แห่งทั่วประเทศ เพื่อบริหารจัดการน้ำตามความต้องการในแต่ละพื้นที่และทำอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ จากการสำรวจพบยังมีความต้องการธนาคารน้ำใต้ดินทั่วประเทศอีกว่า 10,000 แห่ง เพื่อรองรับปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะรุนแรงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าจนก่อให้เกิดภัยแล้งรุนแรงขึ้น นายสุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ย้ำว่า ประเทศไทย ยังขาดแคลนน้ำมากถึง 40,000 ล้านลูกบาศก์เมตรโดยเทียบกับปริมาณน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาถึง 3 เขื่อน ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างเขื่อนทำได้ยาก ดังนั้น การทำธนาคารน้ำใต้ดินจึงเป็นทางออกการแก้ปัญหาและรองรับน้ำส่วนเกินที่มีมากกว่า 200,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อนำมากักเก็บไว้และบริหารจัดการรับมือน้ำท่วมและภัยแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะประเมินความสำเร็จของอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมให้เป็นจังหวัดนำร่องจัดทำธนาคารน้ำใต้ดิน 60 แห่ง จะเริ่มดำเนินการระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 2567 โดยเป็นระบบสระเติมน้ำที่มีประสิทธิภาพสามารถนำน้ำมาใช้ได้ไม่ต่ำกว่ากว่า 600,000 ลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เกษตรได้รับประโยชน์กว่า 600 ไร่ ควบคู่กับพื้นที่อีอีซีอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศและน้ำเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษ
สำหรับ "ธนาคารน้ำใต้ดิน (Groundwater Bank)" เป็นการบริหารจัดการน้ำใต้ดิน ด้วยการนำน้ำเข้าไปกักเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินในชั้นหินอุ้มน้ำช่วงหน้าฝน แล้วนำออกมาใช้เมื่อยามต้องการเพื่อแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำหลาก การรุกล้ำของน้ำเค็ม น้ำกร่อย ที่สำคัญช่วยป้องกันการเสียสมดุลของน้ำใต้ดิน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด การขุดหลุมเพื่อดึงน้ำฝนที่อยู่บนพื้นดินลงสู่ใต้ดินในระดับชั้นผิวดิน เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ดินในพื้นที่โดยรอบ และธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด การขุดหลุมไปถึงชั้นหินอุ้มน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่เจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ เพื่อให้น้ำฝนเติมเข้าสู่ชั้นหินที่กักเก็บน้ำบาดาลโดยตรงเชื่อมต่อกับระบบน้ำใต้ดินสามารถขุดมาเป็นน้ำบาดาลมาใช้หน้าแล้งได้
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ปิยาพรรณ ยังเทียน / สวท.
ผู้เรียบเรียง : กัลยา คงยั่งยืน / สวท.
แหล่งที่มา : สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย