นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้กำชับให้กรมชลประทานเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นธรรม โดยจัดสรรน้ำตามรอบเวร พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกษตรกรหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้งเพื่อประหยัดน้ำช่วงหน้าแล้ง พร้อมประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้ต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร และรณรงค์ให้ประชาชนเก็บกักน้ำสำรองไว้ใช้ในหน้าแล้ง เพราะอยากให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอในทุกกิจกรรม ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 58,063 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 16,937 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงหน้าแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรม และสำรองไว้ใช้ต้นฤดูฝนหน้า ทั้งนี้ ได้จัดสรรน้ำช่วงแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 7,904 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,386 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันทั้งประเทศเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 5.58 ล้านไร่ โดยลุ่มเจ้าพระยาเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 4.09 ล้านไร่ และปริมาณน้ำต้นทุนยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณฝนเริ่มลดน้อยลง แต่จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาช่วงวันที่ 13 – 14 มกราคมนี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักในบางพื้นที่
อ่านเพิ่มเติ่ม >